Naka: The Gate to Kamala
ชื่อบ้านนาคานั้น มาจากวิถีชีวิตในอดีตของชาวนาคา ที่เมื่อก่อนจะอยู่บนเขา 8 เดือน หรือ 6 เดือน เพื่อปลูกข้าวไร่ในท่ีจับจองบนภูเขา ชาวนาคา รวมถึงชาวชุมชนอื่นๆ อีกหลายพื้นที่จะขึ้นไปบนเขา ทําพื้นที่ให้เตียน โดยตัดต้นไม้เล็กๆ แต่รักษาต้นไม้ใหญ่ เอาไว้ และใช้การทําสัญลักษณ์ท่ีต้นไม้เพื่อบอกอาณาเขตการทําไร่ วิถีคนนาคาสมัยก่อน จะใช้ไม้ปักให้เกิดรูบนพื้นดิน และผู้หญิงจะเดินหยอดข้าวเปลือกลงในรู และเมื่อเก็บเก่ียวข้าวไร่แล้ว ชาวนาคาก็จะลงทะเล เพื่อหาปลา เก็บเสบียงข้ึนมาบนไร่อีกที แต่ในช่วงที่ไถนาในทุกคร้ังน้ัน ที่บริเวณนี้จะมีหญ้าคาขึ้นเต็มทุกครั้งไป จึงได้ชื่อว่า “นาคา” จนถึงปัจจุบัน

Heading
This is some text inside of a div block.
The Unmoving Stone

นาคามีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจคือ หาดลายิ มีตำนานที่เล่าสืบกันมาว่า มีต้นโพธิ์โบราณอยู่บนหินใหญ่อยู่หนึ่งต้น ให้ร่มเงา กิ่งก้านสาขา ที่ไม่มีใครสามารถเคลื่อนย้ายได้ เล่ากันว่าใต้หินใหญ่นั้นมีม้าทอง และทรัพย์สมบัติที่คนสมัยก่อนฝังซ่อนเอาไว้มากมายตั้งแต่ครั้งโบราณ บ้านนาคาจะเเบ่งออกเป็น 4 พื้นที่ ซึ่งมีลักษณะแตกต่างประกอบรวมเป็นบ้านาคา นั่นคือ ปะออก (อยู่ฝั่งตะวันออก) น้ำท่อ (แหล่งน้ำในชุมชน) นาคากลาง (พื้นที่เผาถ่าย) และนาคาเล ซึ่งเป็นพื้นที่ทุ่งนาติดทะเล ปัจจุบันเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม
The Farmers & the Planters
ชาวนาคามีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย และเป็นกันเอง จากอาชีพทำสวนทำไร่ และประมงพื้นบ้านในอดีต เมื่อโลกเปลี่ยนแปลงไป มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และการคมนาคมที่เข้าถึง อาชีพของชาวนาคาจึงหลากหลายมากยิ่งขึ้น ทั้งค้าขาย อาชีพทางการท่องเที่ยว รับจ้าง และจากการทำสวน ทำไร่ชั่วคราว ก็เปลี่ยนแปลงเป็นการทำสวนที่มีความมั่นคงยิ่งขึ้น เป็นสวนสะตอ และสวนสมรมอื่นๆ ขณะที่อาชีพประมงพื้นบ้านก็ยังคงอยู่ในวิถีชีวิตชาวนาคา